
รูปนี้ถ่ายไว้เมื่อเดือน ตุลาคม 2499 ตอนพี่ติ๊กสองขวบเศษ ส่วนดิฉันหนึ่งขวบ
พี่ติ๊กเกิดวันพุธ ที่ 12 สิงหาคม 2497 อายุแก่กว่าดิฉันปีเศษ เรามีกันสองคนพี่น้อง ร่วมชะตากรรมเดียวกัน สำหรับดิฉันแล้วพี่ติ๊กเป็นคนพิเศษเสมอ ช่วยเหลือดิฉันตอนเด็กๆหลายครั้ง ดิฉันอยากให้ใครๆ ได้รู้จักพี่ชายคนเดียวของดิฉันบ้าง อย่างน้อยก็เพื่อตอบแทนสิ่งดีๆ ที่เขาเคยให้ดิฉัน เท่าที่ดิฉันพอจะทำได้ และที่สำคัญเรื่องราวของเขาอาจเป็นประโยชน์แก่คนอื่น
ตอนเล็กๆเราเล่นกัน ทะเลาะกันตามประสาเด็ก ผจญภัยมาด้วยกัน เขาชอบวาดรูปพวกการ์ตูนหุ่นยนต์ ซึ่งวาดได้ดีทีเดียว และยังชอบแกะดูอุปกรณ์ต่างๆ ว่าข้างในมีกลไกการทำงานอย่างไร ซึ่งถ้าเขาได้มีโอกาสเรียนทางนี้ ชีวิตเขาอาจจะเป็นอีกอย่างนึงก็ได้
เราเรียนหนังสือที่โรงเรียนเดียวกันสองแห่ง ตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงประถมที่โรงเรียนสมถวิล(พระโขนง) และที่โรงเรียนศรีวิกรม์อีกหนึ่งปี หลังจากพ่อกับแม่หย่ากันแล้ว ทั้งพ่อและแม่ต่างมีครอบครัวใหม่ ดิฉันต้องไปเข้าโรงเรียนประจำ ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก ตอนนั้นพี่ติ๊กอายุ 13 ขวบเศษ ส่วนดิฉัน 12 ขวบเศษ จากที่เดิมเราสองคนอยู่ในโลกใบเดียวกันสนุกสนานร่าเริงด้วยกัน กลับกลายเป็นอยู่ในโลกคนละใบ ที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ต่างคนต่างต้องไปเผชิญกับชีวิตของตัวเองตามลำพัง ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นจนเป็นผู้ใหญ่ แต่ถึงแม้ว่าเราสองคนจะไม่ค่อยได้ติดต่อกัน แต่ในส่วนลึกแล้วยังมีสายใยของความรักและความผูกพันระหว่างเราสองคนพี่น้องอยู่เสมอ
พี่ติ๊กเป็นคนจิตใจดี มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นคนซื่อ จริงใจ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมกับใคร แต่เมื่อครอบครัวแตกแยกเสียก่อนตั้งแต่เยาว์วัย ยังไม่แข็งแกร่งพอ โดยเฉพาะกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต เป็นจุดอ่อนให้ผู้ที่ดูเหมือนหวังดีแต่ประสงค์ร้าย ทำลายหรือแสวงประโยชน์ได้ง่ายๆ โดยเฉพาะกับคนที่เราไว้ใจและคาดไม่ถึง เมื่อบ้านแตกสาแหรกขาด การเรียนของพี่ชายตกลงทันที ที่เรียนแห่งสุดท้ายของพี่ติ๊กคือโรงเรียนสยามธุรกิจ
เมื่ออายุครบยี่สิบปี พี่ติ๊กต้องไปเกณฑ์ทหาร ดิฉันยังจำได้ตอนที่เขาแต่งชุดทหารพลร่ม ของศูนย์สงครามพิเศษที่ลพบุรี ตอนนั้นถึงจะเป็นพลทหารเกณฑ์ แต่ดิฉันก็เห็นรอยยิ้มของพี่ติ๊ก ที่ฉายแววของความภาคภูมิใจที่ได้เป็นทหารรับใช้ชาติ ช่วงนั้นสถานการณ์สู้รบภายในประเทศยังคงรุนแรง ดิฉันจึงอดเป็นห่วงเขาไม่ได้ แต่เขาก็ผ่านพ้นช่วงนั้นมาได้อย่างปลอดภัย
เมื่อเรียนน้อย ไม่มีปริญญา ชีวิตของพี่ชายจึงค่อนข้างลำบาก แต่เขาก็ไม่เคยย่อท้อ อดทนทำงานสารพัดหาเลี้ยงครอบครัว พี่ติ๊กมีลูกสาวสองคน เขารักลูกมากที่สุด พี่ติ๊กพยายามทำหน้าที่พ่ออย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ จวบจนวันสุดท้ายของชีวิตเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2538 ขณะมีอายุ แค่ 40 ปีเท่านั้น
ดิฉันคิดทบทวนถึงเรื่องราวของพี่ติ๊กแล้ว ก็พบว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขามีความตั้งใจและมีความพยายามที่จะต่อสู้ชีวิตเสมอ เพียงแต่เขาอาจหลงทางไปบ้างเท่านั้นเอง ส่วนจะหลงไปเองหรือเพราะใครก็มีแต่ฟ้าเท่านั้นที่รู้
ครั้งหนึ่งดิฉันเคยได้ยินพี่ชายพูดกับคนสำคัญในชีวิตคนนึงว่า “ ในชีวิตนี้ “....“ จะพูดดีๆกับผมซักครั้งได้มั้ย? “ ดิฉันได้แต่น้ำตาซึม เพิ่งตระหนักว่าพี่ชายของเรามีความบอบช้ำในใจขนาดไหน นี่อาจเป็นคำตอบของปริศนาทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายของดิฉันก็ได้
(ดู ความเป็นมา )
