Saturday, May 5, 2012
เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส
เมื่อกลางปี พ.ศ. 2552 เกิดอุบัติเหตุรถแท็กซี่เฉี่ยวชนรถที่สามีดิฉันกำลังขับออกจากห้างแห่งหนึ่งกลางซอยเอกมัย แท็กซี่ขับรถโดยไม่มีใบขับขี่และยังมีภาพถ่ายรถแท็กซี่คร่อมเส้นกลางถนนขณะเกิดเหตุรถชนซึ่งสามีดิฉันถ่ายไว้เป็นหลักฐานให้ร้อยเวรดู แต่ร้อยเวรกลับเกลี้ยกล่อมจะให้สามีดิฉันเสียเงินค่าปรับฐานขับรถโดยประมาทซึ่งจะทำให้ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับแท็กซี่ด้วย โชคดีที่เราปรึกษากันทางโทรศัพท์ก่อน เย็นวันนั้นจึงรอดตัวไป ไม่ได้หลวมตัวจ่ายค่าปรับ
หลังจากวันนั้นไม่ว่าจะปรึกษาใครดูเหมือนทุกฝ่ายจะพยายามให้สามีดิฉันเป็นฝ่ายยอมทั้งนั้น คำกล่าวที่ว่าความรู้คืออาวุธนั้นถูกต้องที่สุด ขณะนั้นสามีดิฉันยังไม่รู้เรื่องกฎหมาย ยังขาดอาวุธสำคัญ ยังไม่รู้ว่าจะต่อสู้ทางกฎหมายอย่างไร แต่ด้วยความเชื่อมั่นว่าเราไม่ผิด จึงยืนยันที่จะไม่เสียค่าปรับแม้ว่าในเวลาต่อมาร้อยเวรผู้นั้นจะเปลี่ยนจากเดิมที่จะให้สามีดิฉันเป็นผู้ผิดฝ่ายเดียว เป็นจะปรับฐานขับรถโดยประมาททั้งคู่คือปรับทั้งสามีดิฉันและแท็กซี่ก็ตาม เราประคองตัวผ่านพ้นเรื่องนี้มาได้ คดีหมดอายุความ รอดพ้นจากการถูกยัดเยียดความผิดไปในที่สุด
วิกฤตการณ์ครั้งนี้ทำให้สามีดิฉันตัดสินใจสมัครเรียนกฎหมาย (9 วันหลังเกิดเหตุรถชน) สามปีผ่านไปพร้อมกับการสกัดกั้นทุกรูปแบบ ในที่สุดสามีดิฉันก็มาจนถึงปลายทาง ได้เข้าสอบวิชาสุดท้ายของหลักสูตรเมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2555 ก้าวสู่การเป็นนิติศาตร์บัณฑิตสมความตั้งใจแล้ว
กฎหมายมีความสำคัญกับทุกคนทุกเรื่องจริงๆ ตั้งแต่เกิดจนตาย นอกจากได้ติดอาวุธทางปัญญาแล้วสามีของดิฉันยังมีโอกาสพบโลกใบใหม่ที่ “ใช่” สำหรับเขาอีกด้วย
ขอบคุณ...........
Subscribe to:
Comments (Atom)
